
Super User
พระหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า พิมพ์สี่เหลี่ยมเล็ก
พระหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า พิมพ์สี่เหลี่ยมเล็ก ฐานบัวเม็ด 2 ชั้น เนื้อชินตะกั่ว
พระหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า พิมพ์สี่เหลี่ยมเล็ก ฐานบัวเม็ด 2 ชั้น เนื้อชินตะกั่ว สภาพสวย ออกจากวัดปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท เคยติดรางวัลที่ 1 มาแล้ว พระดูง่าย ของแท้ ราคา 1 แสนบาท บาท โทร. 094-5037925 (เจ้าของ) (ปล่อยแล้ว)
พระสมเด็จวัดระฆังฯ สามชั้น พิมพ์ใหญ่ พระประธาน
พระสมเด็จวัดระฆังฯ สามชั้น พิมพ์ใหญ่ พระประธาน
พระสมเด็จวัดระฆังฯ สามชั้น พิมพ์ใหญ่ พระประธาน
พระสมเด็จวัดระฆังฯ สามชั้น พิมพ์ใหญ่ พระประธาน
ตามรูปเป็นพระสมเด็จวัดระฆัง สามชั้น พิมพ์ใหญ่ พระประธาน สภาพพระสวยพอใช้ พิมพ์ตื้น มีมวลสารต่างๆที่สำคัญของสมเด็จโต พรหมรังสี มากมาย พระดูง่าย เป็นพระแท้ของสมเด็จโต พรหมรังสี และผู้เชี่ยวชาญการตรวจสอบพระแท้ หลายคณะได้ออกใบรับรองไว้ว่าเป็นพระสมเด็จวัดระฆัง สามชั้น พิมพ์ใหญ่ พระประธาน ของแท้ของสมเด็จโต พรหมรังสี ราคาหลักแสนบาท โทร. 094-5037925 (เจ้าของ)
พระหลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่า ฐานบัวเล็บช้าง
พระตามรูปเป็นพระหลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่า พิมพ์สี่เหลี่ยมเล็ก ฐานบัวเล็บช้าง เนื้อชินตะกั่ว
พระตามรูปเป็นพระหลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่า พิมพ์สี่เหลี่ยมเล็ก ฐานบัวเล็บช้าง เนื้อชินตะกั่ว ออกที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท พระองค์นี้เคยส่งประกวดพระรายการพระหลวงปู่ศุข ออกวัดปากคลองมะขามเฒ่า พิมพ์สี่เหลี่ยมเล็ก เนื้อชินตะกั่ว มาแล้ว ติดที่ 1 มาแล้ว 3 ครั้งเมื่อ พ.ศ. 2523 ที่จังหวัดชัยนาท พ.ศ.2526 ที่จังหวัดนครสวรรค์ และ พ.ศ.2555 เป็นพระคนละพิมพ์กับพระฐานบัวเล็บช้างที่ออกวัดคลองขอม ซึ่งพระสองพิมพ์นี้ต่างกันทั้งบัวเล็บช้าง ยันต์ข้างองค์พระและฐานพระก็ต่างกัน และอื่นๆอีก
พระตามรูปเจ้าของเดิมได้มาโดยทำบุญกับทางวัดปากคลองมะขามเฒ่า สมัยหลวงปู่ศุขยังมีชีวิตอยู่แค่บาทเดียว เสนอ ราคา 120,000 บาท โทร. 094-5037925 (เจ้าของ) (คนจองแล้ว)
ยันตใต้ฐานรูปหล่อเล็กหลวงพ่อเดิมวัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ ปี 2482
ยันตใต้ฐานรูปหล่อเล็กหลวงพ่อเดิมวัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ ปี 2482
จากคำบอกเล่าผู้ที่เคยช่วยเขียนยันต์ให้หลวงพ่อเดิม และจากญาติสนิทของหลวงพ่อเดิม ที่มารับใช้หลวงพ่อเดิมเป็นประจำบอกว่าหลวงพ่อเดิมพิถีพิถันกับการสร้างรูปหล่อของท่านมาก โดยเฉพาะยันต์ใต้ฐานพระ หลวงพ่อเดิมบอกว่า ยันต์ที่เขียนใต้ฐานนั้นสำคัญมาก ทำให้เกิดความขลังความศักดิ์สิทธิ์ได้สูงสุดอย่างแท้จริง และต้องจาร(จาร คือการเขียนด้วยเหล็กแหลม)ยันต์ให้ลึกมองเห็นให้ชัดเจนทั้งเส้นยันต์และตัวอักษรขอม ซึ่งหลวงพ่อมองกาลไกลในอนาคตว่า เส้นยันต์ต่างๆที่เขียนมีโอกาสลบเลือนได้ง่าย ถ้าเขียนไม่ลึกไม่ชัดเจน เนื่องจากสภาพความเก่าของโลหะที่ล่วงเลยเป็นเวลานานหลายสิบปี
รูปหล่อเล็กหลวงพ่อเดิมปี 2482 ไม่ใช่ยันต์ที่หลวงพ่อเดิมจารทั้งหมดเพราะสร้างเป็นจำนวนมาก จึงใช้ให้ลูกศิษย์ทั้งพระและฆราวาส ช่วยจารยันต์ให้ด้วย แต่ทุกคนที่ช่วยจารยันต์ให้ท่านต้องไปหัดเขียนยันต์ให้เก่ง ไม่ลิหรือแล่งไปทางอื่นที่ไม่ต้องการ การใช้เหล็กจารเขียนยันต์ให้ลึกมองเส้นจารได้ชัดเจน จึงเป็นการยากมาก ไม่เหมือนใช้ดินสอเขียนยันต์ในกระดาษ ซึ่งเขียนง่าย เขียนได้สวยงามตามที่ต้องการ ไม่ลิไม่แล่งเหมือนใช้เหล็กจารโลหะ โดยเฉพาะโลหะทองแดง หรือทองเหลือง คนจารยันต์ให้หลวงพ่อ แม้จะหัดเขียนจนเก่งเชี่ยวชาญ เขียนยันต์สวยงามมาแล้วก็ตาม แต่เมื่อมาเขียนยันต์ใต้ฐานรูปหล่อเล็ก ซึ่งมีพื้นที่นิดหน่อยเขียนยันต์ตามต้องการไม่ได้ จะทำให้เนื้อที่ๆเขียนยันต์ไม่พอ คนเขียนจะต้องเก็งคำนวณพื้นที่ให้พอกับยันต์ และต้องมีสมาธิในการจารเป็นอย่างมาก และชำนาญจริงๆ การจารเส้นยันต์ และตัวอักษรขอมถ้าจารไม่ชัดเส้นไม่ลึก หรือจารยันต์ผิด หลวงพ่อเดิมจะให้ไปถูลบออกและจารใหม่อย่างนี้ทุกองค์ ยันต์จะสวยหรือไม่ๆสำคัญ แต่ขอให้อ่านได้ง่าย เส้นจารยันต์ลึก จารได้ถูกต้องทั้งอักษรขอมและเส้นยันต์
ถ้าหลวงพ่อเดิมจารยันต์เองจะลึกคมชัดอ่านได้ชัดเจน เหล็กจารของท่าแหลมคมมาก ท่านกดเหล็กจารแรงเนื่องจากหลวงพ่อมีสมาธิสูงในการจาร และจารยันต์ชำนาญมาก จึกไม่ลิไม่แล่งเหมือนคนอื่นๆ หลวงพ่อบอกจารยันต์เสร็จความขลังความศักดิ์สิทธิ์ก็เกิดขึ้นแล้ว
ปัจจุบันการปลอมรูปหล่อเล็กของหลวงพ่อเดิม จะใช้บล็อคแม่พิมพ์ที่เรียกว่าบล็อควิทยาศาสตร์ โดยใช้ของแท้มาถอดพิมพ์ ตำหนิที่ออกมาจึงเหมือนหมด แต่การเขียนยันต์ใต้ฐานจะใช้วิธิจารแผ่วๆ กดเหล็กจารไม่ลึก โอกาสเขียนลิหรือแล่งไปทางอื่นจึงน้อยเขียนง่ายจารง่าย จึงมองยันต์ไม่ค่อยชัด บางคนจารยันต์ผิดก็โมเมใช้ได้อย่างนี้ยิ่งนานไปหลายสิบปี ยันต์จะลบเลือนออกจนมองไม่รู้เรื่องเพราะสภาพความเก่าของโลหะ บางคนเข้าใจว่าหลวงพ่อแก่แล้ว ไม่มีแรงกดเหล็กจาร การจารยันต์จึงแผ่วเบาไม่ลึก ซึ่งเป็นความคิดความเข้าใจที่ผิด และมีหลายๆคนที่ได้พระรูปหล่อดังกล่าวนี้ ไปคล้องติดตัวในราคาที่สูงมาก
เซียนพระหลวงพ่อเดิมระดับอาจารย์หลายคนเช่น ท่านอาจารย์ อรุณ สมสาร เจ้าของศูนย์พระเครื่องหลวงพ่อเดิมอุปถัมภ์ ซึ่งเป็นผู้ที่คนทั่วไปยอมรับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญการดูพระเครื่องของหลวงพ่อเดิมวัดหนองโพเป็นอย่างมากคนหนึ่ง เคยบอกผู้เขียนไว้ว่ายันต์ใต้ฐานรูปหล่อหลวงพ่อเดิมปี 2482 ไม่ว่าจะเป็นยันต์ที่หลวงพ่อเดิมจารเอง หรือลูกศิษย์จารให้ เส้นจารยันต์จะลึกมองเห็นได้ชัดเจน ตัวยันต์และอักษรขอมไม่ผิดถ้าเห็นแผ่วๆไม่ชัดเจนมองไม่ค่อยเห็น ไม่ควรเช่าหรือซื้อไว้
รูปหล่อหลวงพ่อเงินวัดบางคลานเนื้อทองคำ พิมพ์นิยม
![]() |
![]() |
รูปหล่อหลวงพ่อเงินวัดบางคลาน ด้านหน้า | รูปหล่อหลวงพ่อเงินวัดบางคลาน ด้านหลัง |
พระหลวงพ่อเงินวัดบางคลาน เนื้อทองคำ พิมพ์นิยม องค์นี้ส่งเข้าประกวดพระมาแล้ว 4 ครั้ง ติดรางวัลที่ 1 ทั้ง 4 ครั้ง ครั้งแรกปี 2523 ครั้งที่ 2 ปี 2555 ได้รับประกาศนียบัตร และโล่รางวัลทั้งสองครั้ง ครั้งที่ 3 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 พ.ย.2561 ที่โรงเรียนหันคาพิทยาคม อ.หันคา จ.ชัยนาท ในรายการประกวดพระหลวงพ่อเงินวัดบางคลาน พิมพ์นิยม เนื้อทองคำ (พระแท้) ก็ได้รับรางวัลที่ 1
ประวัติพระหลวงพ่อเงินวัดบางคลาน เนื้อทองคำ องค์นี้ หนักประมาณ 2 บาท 3 สลึง เจ้าของคนปัจจุบันได้รับพระมาจากคุณตาซึ่งคุณตาบอกว่าได้เช่าพระเนื้อทองคำองค์นี้ เมื่อประมาณ พ.ศ.2470 จากคนแก่คนหนึ่งที่มีส่วนช่วยงานในวัดบางคลาน สมัยที่หลวงพ่อเงินยังมีชีวิตอยู่ บอกคุณตาว่าเป็นพระที่ หลวงพ่อเงินวัดบางคลาน ดำเนินการสร้างเอง หลวงพ่อเงินวัดบางคลาน มรณภาพ พ.ศ. 2462 คุณตาได้คล้องรูปหล่อหลวงพ่อเงินองค์นี้ติดตัวเป็นประจำ จนเข้าสู่วัยชรา จึงมอบพระองค์นี้ให้เจ้าของคนปัจจุบันซึ่งเป็นหลานชาย เจ้าของคนปัจจุบันเคยนำพระแช่ในน้ำกรดกำมะถันเข้มข้น(กรดซัลฟิวริก) เป็นเวลาหลายๆวันเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นพระเนื้อทองคำแน่ แต่ปรากฏว่าพระอยู่ในสภาพดีไม่เป็นไร จึงมั่นใจว่าเป็นพระเนื้อทองคำแน่นอน สนใจติดต่อคุณ พอสุข 0945037925
ฐานรูปหล่อหลวงพ่อเงินวัดบางคลาน เนื้อทองคำ
![]() |
รูปหล่อหลวงพ่อเงินวัดบางคลาน เนื้อทองคำองค์นี้ไม่ต้องตัดฉนวน เพราะปริมาณเนื้อทองคำที่เทลงหล่อองค์พระได้ปริมาณพอดีฉนวนปรากฏเป็นตัว นะ ใต้ฐานองค์พระหลวงพ่อเงินอย่างสวยงาม นับเป็นเรื่องอัศจรรย์ในการหล่อพระหลวงพ่อเงินองค์นี้ ถือได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์อย่างหนึ่ง
ประกวดพระครั้งที่ 4 หลวงพ่อเงินวัดบางคลานเนื้อทองคำ พิมพ์นิยมที่เทศบาลหันคาจังหวัดชัยนาท วันที่ 10 พฤศจิกายน 2562 ก็ชนะเลิศติดที่ 1
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
รูปหล่อหลวงพ่อเงินวัดบางคลานพิมพ์ขี้ตา
![]() |
ราคา 1 ล้านบาท (ปล่อยแล้ว)
สนใจติดต่อ 0945037925
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
รูปหล่อหลวงพ่อเงินวัดบางคลานพิมพ์นิยมเนื้อทองเหลือง
![]() |
![]() |
สนใจติดต่อ 0945037925 (ปล่อยแล้ว)
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระพุทธรูปเชียงแสนสิงห์หนึ่ง สนิมเขียวหยก หน้าตัก16 นิ้ว
พระพุทธรูปเชียงแสน สิงห์หนึ่ง สนิมเขียวหยก หน้าตัก 16 นิ้ว
( ปล่อยแล้ว)
ส่งพระเข้าประกวด 3 ครั้ง ติดรางวัลที่หนึ่ง 2 ครั้ง เมื่อปี 2523 และปี 2555 และติดรางวัลที่ 2 ปี 2519 พระที่ส่งไม่จำกัดเนื้อและขนาดองค์พระ เป็นพระตกทอดรับมาจากบรรพบุรุษเนื้อพระเก่าและดินขี้เถ้าแกลบในองค์พระ มีสภาพเก่าแข็งดุจเนื้อหิน เป็นจุดชี้ความเก่าที่สำคัญของพระ ที่ของใหม่จะทำเลียนแบบให้เก่าเหมือนไม่ได้ พระหนักหลายสิบกิโลกรัม ต้องใช้ 2 คนยกเคลื่อนที่ “พระพุทธคุณ ดีพร้อมทุกสิ่งทุกอย่าง มีความศักดิ์สิทธิ์อย่างสูงสุด คุ้มครองวงศ์ตระกูลให้เจริญรุ่งเรือง เป็นมหามงคลสูงสุด มีโชคมีลาภ เมตตามหานิยม ผู้บูชาจะพบแต่เรื่องดีๆตลอด ช่วยคุ้มครองป้องกันภยันตรายต่างๆ ตลอดจนสิ่งเลวร้ายต่างๆจากศัตรูที่มองไม่เห็น และแก้อาถรรพ์ต่างๆที่ไม่ดีให้หมดไป ด้วยอำนาจแห่งพระพุทธคุณศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ที่สิงสถิตย์อยู่ที่องค์พระพุทธรูปเชียงแสนสิงห์หนึ่งองค์นี้” ในปี พ.ศ.2511 พระพุทธรูปเชียงแสนสิงห์หนึ่ง ก็เป็นองค์หนึ่งในจำนวนพระที่ยิงไม่ออกอีกหลายๆองค์ ที่นายเทียมฯได้ทดลองยิงด้วยปืนพกขนาดจุด 22 หลายนัด ปรากฏว่ากระสุนปืนด้านยิงไม่ออก เมื่อนำกระสุนปืนที่ยิงแล้วบรรจุยิงไปทางอื่นอีกครั้ง ปรากฏว่ากระสุนปืนยิงออกทุกนัด ต่อหน้าคนนับร้อยที่มามุงดู ในเขตท้องที่จังหวัดนนทบุรี รายได้บางส่วนช่วยผู้สูงอายุคนชราที่ตกทุกข์ยากไร้ ขัดสนเงินทอง ฯลฯ สนใจติดต่อ คุณพอสุข 094-5037925
ดินขี้เถ้าแกลบในองค์พระ มีสภาพเก่าแข็งดุจเนื้อหิน เป็นจุดชี้ความเก่าที่สำคัญของพระ ที่ของใหม่จะทำเลียนแบบให้เก่าเหมือนไม่ได้
ฐานพระแสดงให้เห็นเนื้อในองค์พระที่เกิดสนิมเขียวและขี้เถ้าแกลบที่กลายสภาพแข็งดุจหิน
พระยอดธง กรุบ้านสวน อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย
พระยอดธง กรุบ้านสวน อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย
เนื้อทองคำ เนื้อเงินสนิมดำ เนื้อชินเงิน
พระยอดธงเนื้อทองคำ เนื้อเงิน และเนื้อชินเงิน ตามภาพพระที่ลงไว้นี้ พระทั้ง 3 องค์ขุดพบในเขตท้องที่จังหวัดสุโขทัย น่าเชื่อว่าเป็นพระสร้างใน สมัยสุโขทัย สันนิษฐานว่าพระยอดธงทองคำใช้สำหรับพระมหากษัตริย์หรือแม่ทัพระดับสูงของกองทัพ ส่วนตำแหน่งรองๆลงมาก็คงเป็นพระยอดธงเนื้อเงิน พระยอดธงเนื้อทองคำ และเนื้อเงิน ตามภาพ มีลักษณะเหมือนกัน ขนาดเท่ากัน ขุดได้ในกรุเดียวกัน มีพุทธลักษณะเป็นพระนั่งมารวิชัย หน้าตักกว้างประมาณ 1.7 ซม. วัดส่วนสูงจากยอดพระเกศมายังปลายสุดของแกนชนวนประมาณ 3.8 ซม. พระยอดธงเนื้อทองคำหนักประมาณ 22 กรัม รูปทรงเป็นองค์พระพุทธปฎิมาทั้งองค์ มีลักษณะสวยงามตลอดองค์ ตั้งแต่ยอดพระเกศถึงแกนชนวน แกนชนวนมีลักษณะมนเป็นสามเหลี่ยมดูสวยงาม ช่างหลวงคงตั้งใจทำขึ้นเป็นพิเศษสำหรับพระมหากษัตริย์และแม่ทัพระดับสูงของกองทัพเท่านั้น มีความเก่าดูง่าย มีศิลปะปราณีตและสวยงามกว่าพระยอดธงที่ขุดได้จากกรุอื่นๆ มาก เช่น พระยอดธงสมัยอยุธยา พระยอดธงกรุนครศรีธรรมราช พระยอดธงใบข้าว เป็นต้น
“พระยอดธงเนื้อทองคำและเงินคู่นี้ มีพระพุทธคุณดีพร้อมทุกสิ่งทุกอย่าง แคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตรายต่างๆดีมาก คุ้มครองวงษ์ตระกูลให้เจริญรุ่งเรืองและดีเด่นด้านเมตตามหานิยม กับมีโชคมีลาภดี เป็นมหามงคลสูงสุด และคงกระพันชาตรี” จากหนังสือพิมพ์เมืองชัย จังหวัดชัยนาท ได้ลงเรื่องพระยอดธงเนื้อทองคำและเนื้อเงินคู่นี้ไว้ว่า เมื่อเดือนตุลาคม 2510 พลทหารวันชัย กลิ่นบุหงา ทหารสังกัดหน่วยจงอางศึก ในยุทธภูมิปราบปรามพวกเวียดกง ถูกพวกเวียตกงลอบยิงด้วยปืนยิงเร็ว กระสุนปืนถูกบริเวณต้นแขนเสื้อขาด มีบาดแผลเป็นรอยไหม้ และรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยเท่านั้น และพวกเวียตกงยังใช้ระเบิดมือขว้างเข้าใส่ จนทำให้ทหารผู้นี้ถูกสะเก็ดระเบิดอย่างจังบริเวณหน้าอก ชายโครงและต้นคอ แต่บาดแผลที่ถูกสะเก็ดระเบิดนั้น เป็นเพียงฟกช้ำดำเขียวเท่านั้น ไม่ปรากฏว่าสะเก็ดระเบิดสามารถทะลุทะลวงร่างกายของทหารผู้นี้แม้แต่ชิ้นเดียว แต่ทหารผู้นี้ก็มีอาการจุกแน่นหายใจไม่ค่อยออก แพทย์สนามต้องช่วยปฐมพยาบาลให้ออกซิเจน และให้พักฟื้นระยะหนึ่งก็กลับไปสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามเดิม ซึ่งจากการถูกซุ่มโจมตรีครั้งนี้ มีทหารอีกหลายนาย ได้รับบาดเจ็บสาหัสและตาย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับทหารผู้นี้ มีหนังสือพิมพ์บางฉบับได้ลงข่าวให้ประชาชนได้อ่านกันมาแล้ว และผู้สื่อข่าวสงครามของสหรัฐอเมริกา ยังถ่ายภาพหลักฐานไปเผยแพร่ยังประเทศของเขาด้วย ทหารผู้นี้ใช้พระยอดธงเนื้อทองคำ พระยอดธงเนื้อเงินและเขี้ยวหมูตัน 1 อัน (เป็นเขี้ยวหมูที่พระอาจารย์สมัยเก่าปลุกเสกมาแล้ว) คุ้มครองตัวในครั้งนี้ และได้ยืนยันว่าตนรอดตายจากอาวุธของพวกเวียตกงครั้งนี้ ก็เพราะได้รับความคุ้มครองจากพระยอดธงคู่นี้ ทุกครั้งที่ออกปฏิบัติหน้าที่ ก็ได้อาราธนาพระยอดธงสององค์นี้ให้ช่วยคุ้มครองให้ทุกครั้ง และขณะเดียวกันก็ภาวนาพระคาถากำกับพระยอดธงไปด้วย พระคาถากำกับพระยอดธงองค์นี้คือ “อิกะวิติ อะสังวิสุโลปุสะพุภะ” เป็นพระคาถาที่พระอาจารย์ดังสมัยก่อน ได้ให้คุณปู่ของทหารผู้นี้ไว้ ว่าเป็นพระคาถาภาวนากำกับพระยอดธงคู่นี้โดยเฉพาะ จะทำให้มีพระพุทธานุภาพศักดิ์สิทธิ์ยิ่งๆขึ้น ในอดีตมีนายทหารหลายนาย ได้ติดตามพระยอดธงคู่นี้ เพื่อขอเช่าในราคาหลายหมื่นบาท แต่เจ้าของเสียดายยังไม่ยอมปล่อยให้ ต่อมาพระเนื้อทองคำและเนื้อเงินคู่นี้เปลี่ยนมือถึงเจ้าของคนปัจจุบัน และได้ฝากปล่อยพระคู่นี้มายังรายการนี้ด้วย ในราคา 4.5 แสนบาท ติดต่อคุณพอสุข 094-5037925 พระอยู่ในตลับทองคำทั้งสององค์หนักหลายบาท
(ปล่อยแล้ว)
วิธีดูพระยอดธง
พระยอดธง มีพุทธลักษณะเป็นพระนั่งมารวิชัย ขัดสมาธิราบ วัสดุที่ใช้สร้างอาจหล่อด้วยเนื้อชินเงิน เนื้อสัมฤทธิ์ เนื้อเงิน เนื้อนาค เนื้อทองคำ ปั้นองค์พระแบบลอยตัว ดูได้ทุกๆ ด้าน สมัยโบราณวัสดุที่ใช้สร้างจะเป็นเนื้อโลหะ ยังไม่เคยขุดพระยอดธงของเก่าจากท้องที่ใด ที่สร้างด้วยเนื้ออย่างอื่นเช่นดินหรือปูน เป็นต้น ลักษณะที่สำคัญในการเรียกชื่อพระเครื่ององค์นั้นว่าเป็นพระยอดธงหรือไม่ จะดูได้จากเดือยหรือแกนชนวน ที่ยื่นออกมาจากฐานพระหรือส่วนล่างขององค์พระ บางองค์อาจเป็นแกนลักษณะตรง หรือบางองค์อาจมีลักษณะเป็นแกนหมนแบบสามเหลี่ยมแลดูสวยงาม ด้านใต้องค์พระที่มีแกนชนวนที่ยื่นออกมา ในสมัยต่อมาเรียกชื่อพระว่า “ พระยอดธง ” การหล่อพระองค์เล็กๆ ตามปกติ ช่างจะทำแกนชนวนยื่นลงมาจากใต้องค์พระ เพื่อเวลาเทโลหะที่ใช้หล่อพระลงไปในพิมพ์พระ โลหะที่หลอมละลายจะได้ไหลลงได้เต็มองค์พระ ซึ่งต้องทำไว้ทุกองค์ จะตัดแกนชนวนออกหรือไม่เท่านั้น แกนชนวนที่ยื่นลงมาจากใต้องค์พระนี้ สมัยโบราณจึงใช้แกนชนวนนี้ให้เป็นประโยชน์ เอาไว้ใช้มัดหรือผูกติดกับยอดเสาธงประจำกองทัพต่อไป
ในการออกศึกสงครามสมัยโบราณของกองทัพไทย ต้องมีธงประจำกองทัพ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นจอมทัพ ออกศึกแบบประชิดตัวต่อตัว การมีธงที่ประดิษฐานพระพุทธปฏิมาองค์เล็กๆ อยู่บนยอดธงด้วย ก็เพราะพระพุทธานุภาพแห่งพระพุทธคุณที่สิงสถิตย์อยู่ที่องค์พระพุทธปฏิมาองค์เล็กๆอยู่บนยอดธงนั้น จะทำให้จิตใจของผู้ที่อยู่ในกองทัพทุกคน มีเครื่องยึดมั่นจิตใจ มุ่งต่อสู้กับศัตรูด้วยความเชื่อมั่นโดยมิได้ครั่นคร้ามเกรงกลัว และชนะศัตรูในที่สุด ดังนั้นการสร้างพระยอดธงแต่ละองค์ เพื่อให้พระมหากษัตริย์สมัยนั้นได้ทรงใช้คุ้มครองนับถือ ป้องกันประเทศให้มีความสงบสุข ให้เจริญรุ่งเรือง เมื่อถึงคราวออกทัพจับศึก ก็จะนำธงที่ประดิษฐานพระยอดธงนี้ออกรบาชูนำหน้าลุยข้าศึก จึงต้องเป็นพระยอดธงที่มีความขลังมีความศักดิ์สิทธิ์อย่างสูงสุด พิธีกรรมในการจัดสร้างจึงต้องพิถีพิถันมาก มีพิธีบรวงสรวงที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งเทพ เทวาต่างๆ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ให้มาช่วยบันดาลให้พระยอดธงเกิดความขลังและมีความศักดิ์สิทธิ์ พระอาจารย์ที่มาร่วมกันกระทำพิธีปลุกเสกพระยอดธงจะต้องเป็นพระอาจารย์ผู้เรืองวิชาอาคมขลังจริงๆ มีสมาธิจิตสูงเป็นอย่างมาก มีชื่อเสียงเลื่องลือในรัชกาลนั้นๆ พระอาจารย์จอมปลอมไม่เก่งจริง หรือไม่มีคุณวิเศษอะไร จะไม่มีโอกาสเข้าร่วมพิธีโดยเด็ดขาด พระอาจารย์บางท่านก็อาจสำเร็จฌาณสมาบัติขั้นสูง เชี่ยวชาญทั้งสมถะกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งพระสงฆ์ในสมัยโบราณที่สำเร็จขั้นนี้ ย่อมหาง่ายกว่าสมัยปัจจุบันนี้มาก ซึ่งพระอาจารย์ทั้งหมดก็ได้ร่วมกันกระทำพิธีมหาพุทธาภิเษก และอธิษฐานจิตให้พระยอดธงนั้น ให้มีความขลังมีความศักดิ์สิทธิ์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เหตุนี้พระยอดธงที่สร้างในสมัยโบราณจริงๆโดยพระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้จัดสร้าง ย่อมมั่นใจและเชื่อมั่นในพลังพุทธคุณได้อย่างเต็มที่ มีความขลังมีความศักดิ์สิทธิ์อย่างสูง คุ้มครองผู้มีไว้ติดตัวให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตรายต่างๆได้จริง
พระยอดธงพบในสถานที่ต่างๆกัน ในยุคสมัยต่างๆ กัน เช่น พระยอดธงใบข้าวพบในเมืองเชียงแสน พระยอดธงกรุพระ จ.นครศรีธรรมราช พระยอดธงสมัยอยุธยา เช่น พระยอดธงวัดไก่เตี้ย ลักษณะพระเป็นการสร้างโดยฝีมือชาวบ้าน ส่วนมากแกนชนวนมีลักษณะตรง มีเนื้อทองคำและเงินด้วย พระยอดธงสมัยอยุธยาเนื่องจากสร้างไว้มาก จึงหาเช่าได้ในราคาไม่แพงมาก
สมัยสุโขทัยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ขึ้นครองราชย์เมื่อ พ.ศ.1792 เป็นกษัตริย์องค์แรกแห่งราชวงศ์พระร่วง พ่อขุนรามคำแหงมหาราช เป็นกษัตริย์องค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์พระร่วง ขึ้นครองราชย์เมื่อ พ.ศ.1822 เป็นพระมหากษัตริย์ที่เก่งกล้าสามารถในการรบเป็นอย่างมาก พระองค์ได้แผ่แสนยานุภาพและกำลังกองทัพไปในที่ต่างๆ ขยายอาณาเขตไปได้ไกล สามารถปราบศัตรูและเจ้าเมืองต่างๆได้อย่างราบคาบ ได้ทะนุบำรุงบ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองมาก ศาสนาพุทธเจริญรุ่งเรืองมาก ในปี พ.ศ.1822 นี้ พ่อขุนรามคำแหงมหาราชทรงปลูกต้นตาลและได้จัดสร้างพระพุทธปฏิมาองค์เล็กๆ ที่ใช้ประดิษฐานบนยอดธงประจำกองทัพ และบนยอดธงที่ใช้ปักตามเขตพระราชฐานของพระองค์ เพื่อเป็นมหามงคล และช่วยคุ้มครองป้องกันภัย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากคาถาอาคมของศัตรู ตลอดจนสิ่งเลวร้ายจากศัตรูที่มองไม่เห็น และแก้อาถรรพณ์ต่างๆที่ไม่ดีให้หมดไปด้วยอำนาจแห่งพระพุทธคุณที่สิงสถิตย์อยู่ที่องค์พระพุทธปฏิมาองค์เล็กๆบนยอดธงนั้น รวมทั้งจัดสร้างพระพุทธรูปขนาดต่างๆ ด้วย ได้นิมนต์พระอาจารย์ที่มีคุณวิเศษดีที่สุดในยุคนั้น เข้าร่วมกระทำพิธีที่ปลุกเสกพระพุทธปฏิมาดังกล่าว ให้มีความขลัง มีความศักดิ์สิทธิ์อย่างสูงสุด เพื่อเป็นมหามงคล สร้างโชคชัยและความยืนยง ให้แก่รัชกาลของพระองค์