Tuesday, 01 March 2016 08:52

พระยอดธง กรุบ้านสวน อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย

Written by
Rate this item
(3029 votes)

พระยอดธง  กรุบ้านสวน อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย

                       

                               เนื้อทองคำ                             เนื้อเงินสนิมดำ                              เนื้อชินเงิน

พระยอดธงเนื้อทองคำ  เนื้อเงิน และเนื้อชินเงิน  ตามภาพพระที่ลงไว้นี้ พระทั้ง  3 องค์ขุดพบในเขตท้องที่จังหวัดสุโขทัย  น่าเชื่อว่าเป็นพระสร้างใน สมัยสุโขทัย  สันนิษฐานว่าพระยอดธงทองคำใช้สำหรับพระมหากษัตริย์หรือแม่ทัพระดับสูงของกองทัพ  ส่วนตำแหน่งรองๆลงมาก็คงเป็นพระยอดธงเนื้อเงิน  พระยอดธงเนื้อทองคำ  และเนื้อเงิน ตามภาพ มีลักษณะเหมือนกัน ขนาดเท่ากัน  ขุดได้ในกรุเดียวกัน มีพุทธลักษณะเป็นพระนั่งมารวิชัย หน้าตักกว้างประมาณ  1.7 ซม. วัดส่วนสูงจากยอดพระเกศมายังปลายสุดของแกนชนวนประมาณ 3.8 ซม. พระยอดธงเนื้อทองคำหนักประมาณ  22 กรัม รูปทรงเป็นองค์พระพุทธปฎิมาทั้งองค์  มีลักษณะสวยงามตลอดองค์  ตั้งแต่ยอดพระเกศถึงแกนชนวน แกนชนวนมีลักษณะมนเป็นสามเหลี่ยมดูสวยงาม  ช่างหลวงคงตั้งใจทำขึ้นเป็นพิเศษสำหรับพระมหากษัตริย์และแม่ทัพระดับสูงของกองทัพเท่านั้น มีความเก่าดูง่าย มีศิลปะปราณีตและสวยงามกว่าพระยอดธงที่ขุดได้จากกรุอื่นๆ มาก  เช่น พระยอดธงสมัยอยุธยา พระยอดธงกรุนครศรีธรรมราช  พระยอดธงใบข้าว  เป็นต้น

                พระยอดธงเนื้อทองคำและเงินคู่นี้  มีพระพุทธคุณดีพร้อมทุกสิ่งทุกอย่าง แคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตรายต่างๆดีมาก  คุ้มครองวงษ์ตระกูลให้เจริญรุ่งเรืองและดีเด่นด้านเมตตามหานิยม  กับมีโชคมีลาภดี  เป็นมหามงคลสูงสุด และคงกระพันชาตรี”    จากหนังสือพิมพ์เมืองชัย จังหวัดชัยนาท  ได้ลงเรื่องพระยอดธงเนื้อทองคำและเนื้อเงินคู่นี้ไว้ว่า  เมื่อเดือนตุลาคม  2510  พลทหารวันชัย  กลิ่นบุหงา  ทหารสังกัดหน่วยจงอางศึก  ในยุทธภูมิปราบปรามพวกเวียดกง  ถูกพวกเวียตกงลอบยิงด้วยปืนยิงเร็ว กระสุนปืนถูกบริเวณต้นแขนเสื้อขาด  มีบาดแผลเป็นรอยไหม้ และรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยเท่านั้น  และพวกเวียตกงยังใช้ระเบิดมือขว้างเข้าใส่  จนทำให้ทหารผู้นี้ถูกสะเก็ดระเบิดอย่างจังบริเวณหน้าอก  ชายโครงและต้นคอ  แต่บาดแผลที่ถูกสะเก็ดระเบิดนั้น  เป็นเพียงฟกช้ำดำเขียวเท่านั้น ไม่ปรากฏว่าสะเก็ดระเบิดสามารถทะลุทะลวงร่างกายของทหารผู้นี้แม้แต่ชิ้นเดียว  แต่ทหารผู้นี้ก็มีอาการจุกแน่นหายใจไม่ค่อยออก แพทย์สนามต้องช่วยปฐมพยาบาลให้ออกซิเจน  และให้พักฟื้นระยะหนึ่งก็กลับไปสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามเดิม ซึ่งจากการถูกซุ่มโจมตรีครั้งนี้  มีทหารอีกหลายนาย ได้รับบาดเจ็บสาหัสและตาย  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับทหารผู้นี้ มีหนังสือพิมพ์บางฉบับได้ลงข่าวให้ประชาชนได้อ่านกันมาแล้ว และผู้สื่อข่าวสงครามของสหรัฐอเมริกา  ยังถ่ายภาพหลักฐานไปเผยแพร่ยังประเทศของเขาด้วย ทหารผู้นี้ใช้พระยอดธงเนื้อทองคำ  พระยอดธงเนื้อเงินและเขี้ยวหมูตัน 1 อัน (เป็นเขี้ยวหมูที่พระอาจารย์สมัยเก่าปลุกเสกมาแล้ว) คุ้มครองตัวในครั้งนี้ และได้ยืนยันว่าตนรอดตายจากอาวุธของพวกเวียตกงครั้งนี้ ก็เพราะได้รับความคุ้มครองจากพระยอดธงคู่นี้  ทุกครั้งที่ออกปฏิบัติหน้าที่ ก็ได้อาราธนาพระยอดธงสององค์นี้ให้ช่วยคุ้มครองให้ทุกครั้ง  และขณะเดียวกันก็ภาวนาพระคาถากำกับพระยอดธงไปด้วย  พระคาถากำกับพระยอดธงองค์นี้คือ  “อิกะวิติ  อะสังวิสุโลปุสะพุภะ”  เป็นพระคาถาที่พระอาจารย์ดังสมัยก่อน ได้ให้คุณปู่ของทหารผู้นี้ไว้  ว่าเป็นพระคาถาภาวนากำกับพระยอดธงคู่นี้โดยเฉพาะ  จะทำให้มีพระพุทธานุภาพศักดิ์สิทธิ์ยิ่งๆขึ้น  ในอดีตมีนายทหารหลายนาย  ได้ติดตามพระยอดธงคู่นี้  เพื่อขอเช่าในราคาหลายหมื่นบาท  แต่เจ้าของเสียดายยังไม่ยอมปล่อยให้ ต่อมาพระเนื้อทองคำและเนื้อเงินคู่นี้เปลี่ยนมือถึงเจ้าของคนปัจจุบัน และได้ฝากปล่อยพระคู่นี้มายังรายการนี้ด้วย ในราคา 4.5 แสนบาท ติดต่อคุณพอสุข  094-5037925 พระอยู่ในตลับทองคำทั้งสององค์หนักหลายบาท

 (ปล่อยแล้ว)

 

วิธีดูพระยอดธง

พระยอดธง  มีพุทธลักษณะเป็นพระนั่งมารวิชัย  ขัดสมาธิราบ วัสดุที่ใช้สร้างอาจหล่อด้วยเนื้อชินเงิน  เนื้อสัมฤทธิ์  เนื้อเงิน  เนื้อนาค  เนื้อทองคำ  ปั้นองค์พระแบบลอยตัว  ดูได้ทุกๆ ด้าน สมัยโบราณวัสดุที่ใช้สร้างจะเป็นเนื้อโลหะ  ยังไม่เคยขุดพระยอดธงของเก่าจากท้องที่ใด  ที่สร้างด้วยเนื้ออย่างอื่นเช่นดินหรือปูน  เป็นต้น ลักษณะที่สำคัญในการเรียกชื่อพระเครื่ององค์นั้นว่าเป็นพระยอดธงหรือไม่ จะดูได้จากเดือยหรือแกนชนวน ที่ยื่นออกมาจากฐานพระหรือส่วนล่างขององค์พระ  บางองค์อาจเป็นแกนลักษณะตรง  หรือบางองค์อาจมีลักษณะเป็นแกนหมนแบบสามเหลี่ยมแลดูสวยงาม  ด้านใต้องค์พระที่มีแกนชนวนที่ยื่นออกมา ในสมัยต่อมาเรียกชื่อพระว่า “ พระยอดธง ”  การหล่อพระองค์เล็กๆ ตามปกติ ช่างจะทำแกนชนวนยื่นลงมาจากใต้องค์พระ  เพื่อเวลาเทโลหะที่ใช้หล่อพระลงไปในพิมพ์พระ  โลหะที่หลอมละลายจะได้ไหลลงได้เต็มองค์พระ  ซึ่งต้องทำไว้ทุกองค์  จะตัดแกนชนวนออกหรือไม่เท่านั้น  แกนชนวนที่ยื่นลงมาจากใต้องค์พระนี้  สมัยโบราณจึงใช้แกนชนวนนี้ให้เป็นประโยชน์  เอาไว้ใช้มัดหรือผูกติดกับยอดเสาธงประจำกองทัพต่อไป

ในการออกศึกสงครามสมัยโบราณของกองทัพไทย  ต้องมีธงประจำกองทัพ  พระมหากษัตริย์ทรงเป็นจอมทัพ  ออกศึกแบบประชิดตัวต่อตัว  การมีธงที่ประดิษฐานพระพุทธปฏิมาองค์เล็กๆ อยู่บนยอดธงด้วย  ก็เพราะพระพุทธานุภาพแห่งพระพุทธคุณที่สิงสถิตย์อยู่ที่องค์พระพุทธปฏิมาองค์เล็กๆอยู่บนยอดธงนั้น  จะทำให้จิตใจของผู้ที่อยู่ในกองทัพทุกคน  มีเครื่องยึดมั่นจิตใจ  มุ่งต่อสู้กับศัตรูด้วยความเชื่อมั่นโดยมิได้ครั่นคร้ามเกรงกลัว  และชนะศัตรูในที่สุด  ดังนั้นการสร้างพระยอดธงแต่ละองค์  เพื่อให้พระมหากษัตริย์สมัยนั้นได้ทรงใช้คุ้มครองนับถือ  ป้องกันประเทศให้มีความสงบสุข ให้เจริญรุ่งเรือง  เมื่อถึงคราวออกทัพจับศึก  ก็จะนำธงที่ประดิษฐานพระยอดธงนี้ออกรบาชูนำหน้าลุยข้าศึก  จึงต้องเป็นพระยอดธงที่มีความขลังมีความศักดิ์สิทธิ์อย่างสูงสุด  พิธีกรรมในการจัดสร้างจึงต้องพิถีพิถันมาก  มีพิธีบรวงสรวงที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งเทพ  เทวาต่างๆ  และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ให้มาช่วยบันดาลให้พระยอดธงเกิดความขลังและมีความศักดิ์สิทธิ์  พระอาจารย์ที่มาร่วมกันกระทำพิธีปลุกเสกพระยอดธงจะต้องเป็นพระอาจารย์ผู้เรืองวิชาอาคมขลังจริงๆ  มีสมาธิจิตสูงเป็นอย่างมาก  มีชื่อเสียงเลื่องลือในรัชกาลนั้นๆ  พระอาจารย์จอมปลอมไม่เก่งจริง  หรือไม่มีคุณวิเศษอะไร  จะไม่มีโอกาสเข้าร่วมพิธีโดยเด็ดขาด  พระอาจารย์บางท่านก็อาจสำเร็จฌาณสมาบัติขั้นสูง  เชี่ยวชาญทั้งสมถะกรรมฐาน  และวิปัสสนากรรมฐาน  ซึ่งพระสงฆ์ในสมัยโบราณที่สำเร็จขั้นนี้ ย่อมหาง่ายกว่าสมัยปัจจุบันนี้มาก ซึ่งพระอาจารย์ทั้งหมดก็ได้ร่วมกันกระทำพิธีมหาพุทธาภิเษก  และอธิษฐานจิตให้พระยอดธงนั้น ให้มีความขลังมีความศักดิ์สิทธิ์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เหตุนี้พระยอดธงที่สร้างในสมัยโบราณจริงๆโดยพระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้จัดสร้าง ย่อมมั่นใจและเชื่อมั่นในพลังพุทธคุณได้อย่างเต็มที่  มีความขลังมีความศักดิ์สิทธิ์อย่างสูง  คุ้มครองผู้มีไว้ติดตัวให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตรายต่างๆได้จริง

                พระยอดธงพบในสถานที่ต่างๆกัน  ในยุคสมัยต่างๆ กัน เช่น  พระยอดธงใบข้าวพบในเมืองเชียงแสน  พระยอดธงกรุพระ จ.นครศรีธรรมราช  พระยอดธงสมัยอยุธยา เช่น พระยอดธงวัดไก่เตี้ย  ลักษณะพระเป็นการสร้างโดยฝีมือชาวบ้าน  ส่วนมากแกนชนวนมีลักษณะตรง  มีเนื้อทองคำและเงินด้วย  พระยอดธงสมัยอยุธยาเนื่องจากสร้างไว้มาก  จึงหาเช่าได้ในราคาไม่แพงมาก 

                สมัยสุโขทัยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์  ขึ้นครองราชย์เมื่อ พ.ศ.1792  เป็นกษัตริย์องค์แรกแห่งราชวงศ์พระร่วง  พ่อขุนรามคำแหงมหาราช  เป็นกษัตริย์องค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์พระร่วง  ขึ้นครองราชย์เมื่อ พ.ศ.1822  เป็นพระมหากษัตริย์ที่เก่งกล้าสามารถในการรบเป็นอย่างมาก  พระองค์ได้แผ่แสนยานุภาพและกำลังกองทัพไปในที่ต่างๆ ขยายอาณาเขตไปได้ไกล สามารถปราบศัตรูและเจ้าเมืองต่างๆได้อย่างราบคาบ  ได้ทะนุบำรุงบ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองมาก ศาสนาพุทธเจริญรุ่งเรืองมาก ในปี พ.ศ.1822  นี้ พ่อขุนรามคำแหงมหาราชทรงปลูกต้นตาลและได้จัดสร้างพระพุทธปฏิมาองค์เล็กๆ  ที่ใช้ประดิษฐานบนยอดธงประจำกองทัพ  และบนยอดธงที่ใช้ปักตามเขตพระราชฐานของพระองค์  เพื่อเป็นมหามงคล  และช่วยคุ้มครองป้องกันภัย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากคาถาอาคมของศัตรู  ตลอดจนสิ่งเลวร้ายจากศัตรูที่มองไม่เห็น และแก้อาถรรพณ์ต่างๆที่ไม่ดีให้หมดไปด้วยอำนาจแห่งพระพุทธคุณที่สิงสถิตย์อยู่ที่องค์พระพุทธปฏิมาองค์เล็กๆบนยอดธงนั้น รวมทั้งจัดสร้างพระพุทธรูปขนาดต่างๆ ด้วย  ได้นิมนต์พระอาจารย์ที่มีคุณวิเศษดีที่สุดในยุคนั้น  เข้าร่วมกระทำพิธีที่ปลุกเสกพระพุทธปฏิมาดังกล่าว ให้มีความขลัง  มีความศักดิ์สิทธิ์อย่างสูงสุด  เพื่อเป็นมหามงคล  สร้างโชคชัยและความยืนยง ให้แก่รัชกาลของพระองค์ 

               

Read 12889 times Last modified on Sunday, 15 January 2023 04:41